คำถามที่พบบ่อย
Made in Thailand คืออะไรและทำไมต้องขอการรับรอง
A: การรับรองสินค้าMade in Thailand หรืออักษรย่อ MiTคือ เอกสารรับรองหรือเครื่องหมายที่ส.อ.ท. ออกให้แก่ผู้ประกอบการมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกำหนด โดยใช้แนวทางการคำนวณมูลค่าตามหลักการ ASEANContent โดยปรับให้ตรงวัตถุประสงค์ของการสนับสนุนสินค้าผลิตในประเทศซึ่งต้องมีสัดส่วนมูลค่าวัตถุดิบผลิตในประเทศอย่างน้อย 40%
จากการผลักดันของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อจุดประกายให้เกิดการสร้างความภาคภูมิใจ ความเชื่อมั่นในสินค้าไทยและส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในประเทศหันมาให้การสนับสนุนสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยมากขึ้น รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นต่อคู่ค้าในต่างประเทศนำไปสู่ มติ ครม.เห็นชอบให้แก้ไข ประกาศกฎกระทรวงกำหนดพัสดุและวิธีกำรจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน(ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 8 ธันวาคม2563 (ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา22 ธันวาคม 2563)
ดังนั้นสินค้าที่ภาครัฐจัดซื้อจัดจ้างในหมวด 7/1 จะต้องได้รับการรับรองMiT จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
Q: กรณีไม่ได้ขายสินค้าให้ภาครัฐจำเป็นต้องยื่นขอรับรองสินค้า Made in Thailand หรือไม่
A: กรณี 1 หากบริษัทท่านเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบเพื่อจำหน่ายให้บริษัทอื่นๆ นำไปผลิตเป็นสินค้าสำเร็จรูปควรจะยื่นขอรับรองวัตถุดิบนั้นเพื่อให้ผู้ซื้อวัตถุดิบจากท่านสามารถอ้างอิงได้ว่าสินค้าสำเร็จรูปดังกล่าวใช้วัตถุดิบที่เป็นMiT ซึ่งจะทำให้สินค้าสำเร็จรูปนั้นได้รับการรับรองสินค้าMiT ง่ายยิ่งขึ้น
กรณี 2 หากท่านเป็นผู้ผลิตสินค้าสำเร็จรูปและไม่ได้ขายสินค้าให้ภาครัฐเอง แต่มีผู้ซื้อสินค้าจากท่านไปขายต่อให้ภาครัฐท่านจำเป็นต้องยื่นขอรับรอง MiT เพื่อให้ผู้ซื้อสินค้าจากท่านมีใบรับรองMiT เสนอต่อภาครัฐ
ทั้งนี้เพื่อเป็นการร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนในสินค้าไทย
ขั้นตอนการหา เลขพิกัด ฯ ศุลกากร เบื้องต้น ทำได้ดังนี้
1. ต้องทราบก่อนว่าเราต้องการค้นหาอะไร
2. นำชื่อสิ่งที่เราต้องการหา (ภาษาอังกฤษ) ตามด้วย HS Code ไปค้นหาที่ google
3. นำเลขที่ได้ ไปตรวจสอบกับ พิกัดจากกรมศุลกากร<<คลิ๊ก
4. นำเลข 6 หลักแรกมาใส่
ตัวอย่างเช่น
ต้องการหาพิกัด แฮลกอฮอ 75%
ให้พิมพ์ alcohol 75% hs code ค้นหาด้วย google
ตรวจสอบเลขกับพิกัดกับกรมศุลกากร ตามลิงค์ที่แนบไว้
เพราะฉะนั้น เลขที่ตรงคือ 220720
นำเลข 6 หลักแรกไปใช้งาน
Q : ทำไมถึงอัพโหลดไฟล์ ไม่ได้
A : เนื่องจากขนาดไฟล์ที่กำหนดให้อัพโหลดได้ ต้องมีขนาดไม่เกิน 2 MB โปรดตรวจสอบขนาดไฟล์ของท่านอีกครั้ง
Q : จะสามารถลดขนาดไฟล์ได้อย่างไร
A : เบื้องต้นสามารถสแกนไฟล์ใหม่โดยเลือกสแกนเป็นไฟล์ขาวดำ หรือ สามารถเข้าไปบีบอัดไฟล์ได้จากลิงค์นี้ คลิ๊ก
Q: ทำไมต้องใส่ วัตถุดิบที่เป็นโลหะ หรือ ทำด้วยโลหะ ในวัตถุดิบนำเข้า
A: เนื่องจากโลหะทุกชนิดยกเว้นดีบุกไม่ใช่วัตถุดิบไทยแท้ เพราะประเทศไทยไม่มีเหมือง
Q: ถ้าทางบริษัท ซื้อของที่ผลิตในไทยจากบริษัทในไทย
A: ต่อให้ซื้อกันเองภายในประเทศ ก็ถือว่าเป็นการนำเข้าทางอ้อมเช่นกัน (ถ้าซื้อกันเองภายในประเทศ ช่องประเทศแหล่งกำเนิดให้ใส่ TH จะบอกว่าเป็นการนำเข้าทางอ้อม) และทางMiTไม่ได้ไปตรวจโรงงานจึงไม่ทราบว่าทางโรงงานนั้นผลิตจริงหรือไม่ หรือแค่นำเข้ามาและแพคขาย เนื่องจากในปัจจุบันมีการแอบอ้างการเป็นผู้ผลิตค่อนข้างมาก เพื่อลดข้อพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โปรดทำตามคำแนะนำของทีมงานMiT
Q: กรณีใดบ้าง ที่จะใส่ฝั่งวัตถุดิบในประเทศได้
A: กรณีที่ได้รับการรับรองจาก MiT แล้ว ให้ใส่เลขMiT พร้อมแนบใบรับรอง MiT มาในช่อง หลักฐานการซื้อขายวัตถุดิบ
ในกรณีที่เป็นโรงงานขนาดเล็ก ที่ไม่เข้าข่ายที่จะต้องขอใบอนุญาติประกิบกิจการโรงงาน รง.4 (แรงม้ารวมไม่เกิน 50 แรงม้า)
สามารถไปขอหนังสือ ที่ระบุว่า มีสถานที่ในประเทศไทยจริง และ มีเครื่องจักร คนงาน ที่แรงม้ารวมไม่ถึง 50 แรงม้า จึงไม่เข้าข่ายโรงงาน
โดย กทม. สามารถไปขอได้ที่ กรมโรงงานอุตสาหกรรม
ต่างจังหวัด สามารถไปขอได้ที่ อุตสาหกรรมจังหวัด อบต. อบจ.
ตัวอย่าง ใบอนุญาตอื่นๆ ที่สามรถใช้แทนได้
- สิทธิประโยชน์จากการให้แต้มต่อ 5% สำหรับผู้ที่นำสินค้า MiT ไปเสนอราคาภาครัฐ
- สิทธิประโยชน์ที่ภาครัฐ กำหนดให้หน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่ผลิตในประเทศ ไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของพัสดุที่จะใช้ในงานจ้าง
- สินค้าได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้นจากคู่ค้า / ผู้บริโภค
- สร้างโอกาสในการขยายการค้าไปยังต่างประเทศที่นิยมสินค้าไทยได้มากขึ้น
- สร้างความเชื่อมั่นให้กับสินค้า เนื่องจากได้ผ่านการรับรองจากองค์กรที่ได้รบความน่าเชื่อถือ
- ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) มีนโยบายให้ใบรับรอง MiT สามารถใช้เป็นเอกสารประกอบในการส่งออกในอนาคตได้
ยังไม่สามารถใช้ได้